แนวคิดการจัดการยุคการบริหารสมัยใหม่ (
Modern Management )
แนวคิดในยุคนี้เริ่มตั้งแต่ปี
ค.ศ 1950 – ปัจจุบัน ซึ่งในขณะนี้เศรษฐกิจ
และธุรกิจขยายตัวอย่างรวดเร็ว
ความสลับซับซ้อนในการบริหารการจัดการก็มากขึ้น
เพราะฉะนั้นการจัดการสมัยใหม่ จึงต้องใช้หลักทาง
คณิตศาสตร์มาช่วยในการตัดสินใจ
ตลอดจนการจัดการเชิงระบบมาช่วย แต่อย่างไรก็ตาม ตัวอย่างเช่น คนเป็นระบบ
เพราะในร่างกายของคนเรานั้นประกอบด้วย อวัยวะ
ซึ่งมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันอย่างอัตโนมัติ ระบบจึงถือเป็น Grand
Theory เป็นทฤษฎีขนาดใหญ่ เพราะมีระบบย่อยหรือสิ่งต่าง ๆ มากมาย
เนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ ขององค์การไม่ว่าภายในหรือภายนอก ล้วนแต่มีความสัมพันธ์
เกี่ยวเนื่องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ดังนั้นการบริหารการจัดการจึงต้องปรับตัวให้มีความสมดุลอย่างเป็นระบบ
เพื่อให้เกิดความสัมพันธ์กับปัจจัยต่าง ๆ ที่กล่าว จึงจะทาให้องค์การเติบโต
อยู่รอด และสัมฤทธิผลตามเป้าหมาย
ทฤษฎีภาวะผู้นำ
การศึกษาภาวะผู้นำอย่างมีระบบได้ดำเนินการต่อเนื่องมาร่วมร้อยปี
เกิดมุมมองและความเชื่อต่าง ๆ ที่พัฒนามาเป็นทฤษฎีภาวะผู้นำ จำนวนมากมาย
ในที่นี้จะแบ่งเป็นกลุ่มทฤษฎีและยกมาเป็นตัวอย่างเพียงบางทฤษฎี
เริ่มด้วยทฤษฎีคุณลักษณะของผู้นำ กลุ่มทฤษฎีเชิงพฤติกรรม
ตัวอย่างบางทฤษฎีเชิงสถานการณ์ ทฤษฎีผู้นำเชิงวีรบุรุษ
หรือภาวะผู้นำใหม่โดยเสน่หาบางทฤษฎี และประเด็นที่เป็นแนวโน้ม
ที่เกี่ยวกับภาวะผู้นำในอนาคต
ความหมายของทฤษฎีภาวะผู้นำ
มีคำสำคัญอยู่
2 คำที่จำเป็นต้องเข้าใจในเริ่มแรก ก็คือคำว่า “leadership”
ซึ่งมักเรียกว่า “ภาวะผู้นำ” หรือ “การเป็นผู้นำ” กับอีกคำหนึ่งคือ
“Management” ซึ่งเรียกว่า “การบริหาร” หรือ
“การบริหารจัดการ” ทั้งสองคำ มีความหมายแตกต่างกัน
ทฤษฏีภาวะผู้นำ
ทฤษฏีภาวะผู้นำ
ที่สำคัญ มี 3 ทฤษฏี คือ
1.) ทฤษฎีคุณลักษณะผู้นำหรือทฤษฎีอุปนิสัย (Trait Theory)
หลัก
บุคคลเป็นผู้นำเพราะ มีบุคลิกลักษณะ ความสามารถที่เหมาะสมกับการเป็นผู้นำ
(รูปร่างหน้าตา สติปัญญา วิสัยทัศน์มีความสามารถเหนือคนอื่น ความประพฤติดี มนุษย์สัมพันธ์ที่ดี
)
โดยคุณลักษณะที่เด่นชัด
คือ มีความรู้ความสามารถในการงาน
เข้าร่วมกิจกรรมด้วยใจรัก ได้รับการยอมรับจากสมาชิก สมาชิกเต็มใจทำงานร่วม
2. ทฤษฎี
สถานการณ์ (Situation Theory)
หลักการ
ผู้นำเกิดจากสถานการณ์บางอย่างผลักดันให้บุคคลต้องแสดงบทบาทผู้นำ
หรือต้องพัฒนาลักษณะผู้นำขึ้นมา (ฮิตเลอร์ มุสโสลินี หรือ เหมาเจ๋อตุง)
ทฤษฏีนี้ยอมรับความสัมพันธ์ของผู้นำและกลุ่ม ผู้นำต้องครองใจปวงชนผู้แวดล้อม
3. ทฤษฎีปฏิสัมพันธ์ (Interaction
Theory)
หลักการ
ความเป็นผู้นำเกิดจากปฏิสัมพันธ์ ความเป็นผู้นำ+สถานการณ์
(วิเคราะห์จากคุณสมบัติผู้นำ
และ สถานการณ์) เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน ความเป็นผู้นำก็เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย
ผู้นำจึงมีได้หลายคน ผลัดเปลี่ยนกันไป
ทฤษฎีอื่นๆ
ในเรื่อง ภาวะผู้นำ โดย Terry สรุป ไว้ 4
ทฤษฎี คือ
1. ทฤษฎีสนับสนุน
(supporting Theory) เป็นทฤษฎีการบริหารแบบมีส่วนร่วม
โดยผู้นำเปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงาน มีโอกาสร่วมวางแผนและตัดสินใจในพันธกิจขององค์การ
(ผู้นำต้องยอมรับในความรู้ความสามารถของผู้ร่วมงาน)
2. ทฤษฎีทางสังคมวิทยา
(Sociological Theory) มีความเชื่อว่าผู้นำต้องแสดงบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้ร่วมงานโดยมุ่งจัดหา
วัสดุ อุปกรณ์ให้เพียงพอต่อการปฏิบัติงาน
3. ทฤษฎีทางจิตวิทยา
( Psychological Theory) มีความเชื่อว่าผู้นำต้องพัฒนาระบบสร้างแรงจูงใจ
มีจิตวิทยาสูง ใช้เทคนิคกระตุ้นให้บุคคลปฏิบัติงานด้วยจิตสำนึกรับผิดชอบต่อองค์การ
4. ทฤษฎียึดถืออำนาจ
(Autocratic Theory) มีความเชื่อในการใช้อำนาจ
ของตนเองในการบริหาร สั่งการ บีบบังคับให้ปฏิบัติงาน
โดยไม่ต้องการเหตุผลในการอธิบายความ
W. Chan Kim
ยุคทฤษฎีการบริหารจัดการสมัยใหม่ (Modern
Management Approaches)
-Deming cycle เป็นวงจรที่ใช้ในการควบคุมคุณภาพในวงการอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น
-หลักการจัดการ 14 ข้อ
-ทฤษฎีความแปรปรวน
-โรคและบาปที่ร้ายแรง
-บทบาทของผู้บริหาร
ผลงาน
6ปีต่อมา โด่งดังสุดๆ กับ The practice of management จากหนังสือเรื่อง Concept of the corporationซึ่งเป็นหนังสือการจัดการองค์กรสมัยใหม่ที่นำมาประยุกต์ใช้จนถึงปัจจุบันหนังสือของเขาได้สอดแทรกบทเรียนที่เกี่ยวกับ
เรื่องของการทำอย่างไรองค์กรถึงจะสามารถสร้างคนที่ดีที่สุดขึ้นมาได้และคนงานจะสามารถตระหนักถึงสภาพชุมชนได้อย่างไร
Concept of the corporation
The end of economic man,
the origin of totalitarianism
Michael Eugene Porter
-จบการศึกษาระดับปริญญาตรี ในสาขาวิศวกรรมอากาศยานและเครื่องกลจากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน ต่อมาได้เปลี่ยนสายการเรียนในด้านการบริหาร โดยศึกษา MBA และจบปริญญาเอกในสาขาเศรษฐศาสตร์ธุรกิจ จาก Harvard University
-แนวคิดของ Porter นั้น ได้เป็นหลักการพื้นฐานในตำราทางด้านการจัดการและกลยุทธ์ทุกเล่มในปัจจุบัน
-ล่าสุดเขาได้สนใจและศึกษาในอุตสาหกรรมด้านสาธารณะสุขของสหรัฐอเมริกาโดยได้เข้าร่วมเขียนหนังสือกับอลิธซาเบธ ทีสเบิร์ก ในด้านการพัฒนากลยุทธ์รวมถึงเขียนกรอบงานที่จะใช้ปรับเปลี่ยนระบบประกันสุขภาพของสหรัฐอเมริกา -ผลงานล่าสุดในปี 2014 ของ porter คือบทความเรื่อง How Smart , Connected Products are Transforming Competition
ผลงาน
How Smart , Connected Products are Transforming Competition Clayton Christensen
-เป็นศาสตราจารย์ประจำที่ Harvard Business school
-ได้อันดับ 1 ของการจัดอันดับ ด้านการบริหารของโลก ปี 2011,2013
-ปัจจุบันได้รับการยกย่องให้เป็นนักคิดทางด้านการจัดการอันดับ 1 ของโลก
-ผลงานที่โด่งดัง คือ เขียนหนังสือชื่อ the Innovation Dilemma ซึ่งตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาแนวคิดในเรื่อง นวัตกรรมเชิงประทุ ก็เริ่มได้รับการยอมรับมากขึ้น
-และchristensenเป็นผู้ให้กำเนิดคำว่า นวัตกรรมเชิงประทุ>>ซึ่ง นวัตกรรมนี้จะไม่มีความซับซ้อน
และมีราคาถูกกว่าแต่เชื่อถือได้และใช้ง่ายกว่าผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในตลาดหลักและจะค่อยๆเริ่มเจาะเข้าไปในตลาดเฉพาะกลุ่มnicne maket หรือตลาดรองเมื่อระยะเวลาผ่านไปนวัตกรรมนี้จะค่อยๆเข้าไป
และตอบความสนองต้องการของลูกค้าและเข้าไปแทนที่ของผลิตภัณฑ์เดิมที่มีอยู่ในตลาดหลัก
นอกจากนี้ยังผลงานที่โด่งดังอีกมากมายและผลงานล่าสุดในปี2012-2013 ได้เขียนบทความและหนังสือ เรื่อง how will you measure your life?และ the power of Everyday Missionaries
The Innovation Dilemma
How will you measure your life?
- เป็นนักทฤษฎีด้านการบริหารชาวเกาหลี
- จบการศึกษา University of Michigan
- โด่งดังเป็นที่รู้จักจากผลงาน กลยุทธ์บลูโอเชี่ยน
เป็นหลักการที่พยายามหักล้างแนวคิดทางด้านกลยุทธ์ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
โดยเสนอว่าแทนที่จะมุ่งลอกเลียนแบบและเอาชนะคู่แข่ง ถ้าองค์กรต้องการที่จะเติบโตจริงๆ จะต้องแสวงหาทะเลแห่งใหม่ แทนที่จะเป็นทะเลที่แดงด้วยเลือด (Red Ocean) แบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งเขาก็อุปมาเหมือนกับเป็น Blue Ocean Strategy
-Deming cycle เป็นวงจรที่ใช้ในการควบคุมคุณภาพในวงการอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น
-หลักการจัดการ 14 ข้อ
-ทฤษฎีความแปรปรวน
-โรคและบาปที่ร้ายแรง
-บทบาทของผู้บริหาร
ผลงาน
6ปีต่อมา โด่งดังสุดๆ กับ The practice of management จากหนังสือเรื่อง Concept of the corporationซึ่งเป็นหนังสือการจัดการองค์กรสมัยใหม่ที่นำมาประยุกต์ใช้จนถึงปัจจุบันหนังสือของเขาได้สอดแทรกบทเรียนที่เกี่ยวกับ
เรื่องของการทำอย่างไรองค์กรถึงจะสามารถสร้างคนที่ดีที่สุดขึ้นมาได้และคนงานจะสามารถตระหนักถึงสภาพชุมชนได้อย่างไร
Concept of the corporation
The end of economic man,
the origin of totalitarianism
Michael Eugene Porter
-จบการศึกษาระดับปริญญาตรี ในสาขาวิศวกรรมอากาศยานและเครื่องกลจากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน ต่อมาได้เปลี่ยนสายการเรียนในด้านการบริหาร โดยศึกษา MBA และจบปริญญาเอกในสาขาเศรษฐศาสตร์ธุรกิจ จาก Harvard University
-แนวคิดของ Porter นั้น ได้เป็นหลักการพื้นฐานในตำราทางด้านการจัดการและกลยุทธ์ทุกเล่มในปัจจุบัน
-ล่าสุดเขาได้สนใจและศึกษาในอุตสาหกรรมด้านสาธารณะสุขของสหรัฐอเมริกาโดยได้เข้าร่วมเขียนหนังสือกับอลิธซาเบธ ทีสเบิร์ก ในด้านการพัฒนากลยุทธ์รวมถึงเขียนกรอบงานที่จะใช้ปรับเปลี่ยนระบบประกันสุขภาพของสหรัฐอเมริกา -ผลงานล่าสุดในปี 2014 ของ porter คือบทความเรื่อง How Smart , Connected Products are Transforming Competition
ผลงาน
How Smart , Connected Products are Transforming Competition Clayton Christensen
-เป็นศาสตราจารย์ประจำที่ Harvard Business school
-ได้อันดับ 1 ของการจัดอันดับ ด้านการบริหารของโลก ปี 2011,2013
-ปัจจุบันได้รับการยกย่องให้เป็นนักคิดทางด้านการจัดการอันดับ 1 ของโลก
-ผลงานที่โด่งดัง คือ เขียนหนังสือชื่อ the Innovation Dilemma ซึ่งตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาแนวคิดในเรื่อง นวัตกรรมเชิงประทุ ก็เริ่มได้รับการยอมรับมากขึ้น
-และchristensenเป็นผู้ให้กำเนิดคำว่า นวัตกรรมเชิงประทุ>>ซึ่ง นวัตกรรมนี้จะไม่มีความซับซ้อน
และมีราคาถูกกว่าแต่เชื่อถือได้และใช้ง่ายกว่าผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในตลาดหลักและจะค่อยๆเริ่มเจาะเข้าไปในตลาดเฉพาะกลุ่มnicne maket หรือตลาดรองเมื่อระยะเวลาผ่านไปนวัตกรรมนี้จะค่อยๆเข้าไป
และตอบความสนองต้องการของลูกค้าและเข้าไปแทนที่ของผลิตภัณฑ์เดิมที่มีอยู่ในตลาดหลัก
นอกจากนี้ยังผลงานที่โด่งดังอีกมากมายและผลงานล่าสุดในปี2012-2013 ได้เขียนบทความและหนังสือ เรื่อง how will you measure your life?และ the power of Everyday Missionaries
The Innovation Dilemma
How will you measure your life?
- เป็นนักทฤษฎีด้านการบริหารชาวเกาหลี
- จบการศึกษา University of Michigan
- โด่งดังเป็นที่รู้จักจากผลงาน กลยุทธ์บลูโอเชี่ยน
เป็นหลักการที่พยายามหักล้างแนวคิดทางด้านกลยุทธ์ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
โดยเสนอว่าแทนที่จะมุ่งลอกเลียนแบบและเอาชนะคู่แข่ง ถ้าองค์กรต้องการที่จะเติบโตจริงๆ จะต้องแสวงหาทะเลแห่งใหม่ แทนที่จะเป็นทะเลที่แดงด้วยเลือด (Red Ocean) แบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งเขาก็อุปมาเหมือนกับเป็น Blue Ocean Strategy
![](file:///C:/Users/admin/AppData/Local/Temp/msohtmlclip1/01/clip_image004.jpg)
โดยมีแนวทางในการวิเคราะห์อยู่ 4 ข้อได้แก่
1. การยกเลิก (Eliminated) ของบางอย่างที่เราเคยคิดว่าลูกค้าต้องการ แต่จริงๆแล้ว ในปัจจุบันลูกค้าอาจจะไม่มีความต้องการเลยก็ได้
2. การลด (Reduced) การนำเสนอคุณค่าบางอย่างให้ต่ำกว่าอุสาหกรรม ซึ่งเราอาจจะเคยคิดว่าคุณค่านั้นๆ ลูกค้ามีความต้องการมาก แต่จริงๆอาจจะไม่มากอย่างที่เราคิด
3. การเพิ่ม (Raised) ปัจจัยบางอย่างให้สูงกว่าระดับอุตสาหกรรม
4. การสร้าง (Created) คุณค่าบางประการที่ไม่เคยมีการนำเสนอ ในอุตสาหกรรมมาก่อน
หลักการของ Blue Ocean Strategy
นอกจากนี้ Chan Kim ยังมีข้อเตือนใจที่สำคัญในการใช้แนวคิดนี้ คือ ต่อให้เราสร้าง Blue Ocean ขึ้นมาได้ ไม่ช้าคู่แข่งขันใหม่ๆก็อยากจะเข้ามา และถ้าไม่ระวัง สุดท้ายก็จะกลายเป็น Red Ocean เหมือนเดิม ดังนั้น ถ้าต้องการที่จะประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องจะต้องคิดหาทางสร้าง Blue Ocean ขึ้นมาใหม่เรื่อยๆ
อ้างอิง: https://prezi.com/t-uzlmdpgycf/modern-management-approache/